หน้าเว็บ

บทความดีดี ที่คุณต้องแชร์

วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2558

ถ้าอายุ ท่าน เกิน 40

Isree Tana
ถ้าอายุ ท่าน เกิน 40

1) หาก ท่าน 40 อัพ ก็ควรรู้ว่า ในโลกแห่งความรัก ไม่มีใครผิดต่อใคร มีเพียงใครบางคน ไม่รู้จักรัก ถนอมใคร

2) หาก ท่าน 40 อัพ ก็ควรรู้ว่า เมื่อประสบความสำเร็จ ในหน้าที่การงาน ก็ต้องรักษาร่างกายของท่าน เมื่อไม่ประสบผล ในหน้าที่การงาน ยิ่งต้องให้ตัวเอง มีสุขภาพดี

3) หาก ท่าน 40 อัพ ก็ควรรู้ว่า หากมีใคร รู้จัก เข้าใจคุณ ก็เป็นวาสนายิ่ง แต่ถ้า ไม่มีใคร รู้จัก เข้าใจ คุณ ก็จงรู้จัก และ เข้าใจตัวเองเถอะ

4) หาก ท่าน 40 อัพ ก็ควรรู้ว่า เพื่อนที่ดี ต้องชื่นชม
ซึ่งกัน และ กัน มิใช่ เห็นแก่ผลประโยชน์เท่านั้น

5) หาก ท่าน 40 อัพ ก็ควรรู้ว่า กินข้าว ต้องกิน
ทีละคำ งาน ต้องทำ ทีละอย่าง ไม่มีอะไรที่จะ ทำปุ๊ป สำเร็จปั๊ป ทุกสิ่งล้วนมีขั้นตอน อย่าเอาแต่เร่งรีบ
ควรอยู่ อย่างสบายๆ

6) หาก ท่าน 40 อัพ ก็ควรรู้ว่า เพียงแค่ สบายๆ
ยังไม่พอ ในเวลาที่ควร ก็น่าจะ เสริมแต่งตัวเองบ้าง
ทำให้ วันธรรมดาๆ สดใสขึ้นมา

7) หาก ท่าน 40 อัพ ก็ควรรู้ว่า ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ล้วนมีสองด้าน ไม่มี ผิด หรือ ถูก 
สิ่งที่ท่าน คิดว่า ผิด แต่ผู้อื่น อาจเห็นว่า ถูก และ สิ่งที่ท่าน ขวนขวายต่อสู้ เพื่อได้มา อาจจะเป็นสิ่งที่ คนอื่น กำลังพยายามสลัดทิ้งไป

8) หาก ท่าน 40 อัพ ก็ควรรู้ว่า คุณภาพชีวิต จะดี
หรือ เลว อยู่ที่ใจของท่าน ตัดสินเอง
ท่ามกลางอาหาร อันโอชะ เครื่องดื่มเลิศรส อาจแฝงด้วย การเสแสร้ง หลอกลวง มิสู้ มีเพื่อนรู้ใจ 3 - 4 คน นั่งดื่มชาพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ

9) หาก ท่าน 40 อัพ ก็ควรรู้ว่า ความเหินห่าง
ของ พี่ น้อง ในสายเลือด เป็นความเจ็บปวดใจยิ่ง
เฉยหน่อย อภัยกันนิด อดทนบ้าง
จะทำให้จิตใจเรา กว้างขึ้น สงบลง อบอุ่นขึ้น

10) หาก ท่าน 40 อัพ ก็ควรรู้ว่า การปฏิบัติ ต่อบุพการี อย่าทำ อย่างที่ คนโง่ ทำกัน คือ เลี้ยงดู อย่างเสียไม่ได้ แต่พอสิ้นชีวิต กลับทำพิธีเซ่นไหว้ใหญ่โต คนรุ่นบุพการี ของเรานั้น พวกเขา ผจญความทุกข์ยาก มามากมาย กระทำดีต่อพวกเขา ก็คือ การกระทำดี ต่อมโนสำนึกของเราเอง แท้จริงพวกเขาไม่ต้องการ ความฟุ้งเฟ้ออะไร โทรศัพท์ทักทาย สักหน่อย หรือ ถามถึง เรื่องราวในอดีต สักเรื่อง และ อดทนฟัง เล่าจนจบ พวกเขา ก็พอใจแล้ว

11) หาก ท่าน 40 อัพ ก็ควรรู้ว่า ตำแหน่ง
และเกียรติยศ เป็นเพียงแก้วใบหนึ่ง แต่อุปนิสัย
และ การอบรมมา จึงจะเป็นสิ่งที่อยู่ในแก้วนั้น
ในแก้วผลึก ใช่ว่าจะมีแต่เหล้าองุ่นเลิศรส อาจจะเป็นเพียงน้ำสกปรก แก้วหนึ่งเท่านั้นเอง ในจอกดินเผา ก็มิใช่ว่า จะเป็นเพียงน้ำเปล่า อาจจะเป็น เมรัยชั้นเยี่ยม

12) หาก ท่าน 40 อัพ ชีวิตของท่าน ควรจะสงบเรียบ
สบายๆ มีความสุข

ข้อความนี้ ขอมอบ แด่เพื่อน 40 อัพ ของข้าพเจ้า
ดูแลสุขภาพ ของตัวเองให้ดี ทุกสิ่งในโลกนี้
ล้วนมิใช่ของ ของท่าน มีเพียงร่างกายนี้ เท่านั้น
เป็น ของ ท่าน

วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2557

พออายุใกล้ 70⏰ ข้าพเจ้าเรียนรู้สิ่ง 7 สิ่งในชีวิต


-นักเขียนอักษรพู่กันจีนชื่อดัง ได้บันทึกถึงความรู้สึกที่มีต่อชีวิต เมื่อผ่านเข้าใกล้วัย 70 ซึ่งมีสาระน่าศึกษาดังนี้

"พออายุใกล้ 70⏰ ข้าพเจ้าเรียนรู้สิ่ง 7 สิ่งในชีวิต

⏰1. ต้องอยู่ให้รอด - ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วตก อยู่อีก 1 วัน... เหลือน้อยลง 1 วัน
สุขอีก 1 วัน... กำไร 1 วัน

⏰2. ต้องอยู่ให้มีความสุข-
ตำแหน่งสูง มิสู้มีรายได้สูง..
รายได้สูง มิสู้อายุยืน..
อายุยืน มิสู้มีความสุข..
ขอให้มีความสุข เพราะความสุขคือเงินสด..
นอกนั้นแค่กระดาษเช็ค

⏰3. ต้องเป็นของเราเอง-
หมายถึงไม่ใช่เป็นของคนอื่น หรือยืมของคนอื่นมาใช้..
..ตำแหน่งเป็นของชั่วคราว
..เกียรติยศเดี๋ยวก็ผ่านไป
..สุขภาพเท่านั้นที่เป็นของเรา

⏰4. ไม่เหมือนกัน-ย่อมไม่เหมือนกัน
ความรักที่พ่อแม่ให้กับลูกไม่มีขีดจำกัด..
แต่ความรักของลูกต่อพ่อแม่มีขีดจำกัด..
..ลูกๆ ป่วย พ่อแม่กลุ้มใจ
..พ่อแม่ป่วย แค่ลูกๆ มาเยี่ยมมาถามไถ่ ก็พอใจแล้ว
..ลูกๆ ใช้เงินพ่อแม่ สมเหตุสมผล
..พ่อแม่จะใช้เงินลูกๆ ต้องมีเหตุมีผล
..บ้านพ่อแม่ก็คือบ้านลูกๆ
..บ้านลูกๆ ไม่ใช่บ้านของพ่อกับแม่
ไม่เหมือนกันก็คือไม่เหมือนกัน..
พ่อแม่ที่เข้าใจ จะถือเอาความกตัญญูกตเวทีของลูกๆ เป็นจิตอาสาและความสุข ไม่หวังการตอบแทน..
หากหวังการตอบแทน นั่นคือหาทุกข์ใส่ตัว

⏰5. อย่าคาดหวังใคร-
ยามป่วยอย่าคาดหวังใคร แม้แต่ลูกๆ..
"ไม่มีลูกกตัญญูหน้าเตียงคนป่วยเรื้อรังหรอก"..
คาดหวังคู่ชีวิตหรือ เขาเองก็เอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว
ที่คาดหวังได้ คือเงินอย่างเดียว ใช้เงินรักษาตัว

⏰6. ระลึกแต่ความหลัง -
อาจจำเป็น เพราะจำเรื่องราวได้น้อยลง ลืมมากขึ้น ฉะนั้นสุขภาพคือทรัพย์..จำไว้
..แข็งแรงเข้าไว้ หาความสุขเสมอ..

⏰7. อย่ากลัวความตาย-
เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมชาติ ทุกคนเท่าเทียมกัน..
ต้องมีความพร้อมด้านจิตใจ พอยมบาลมาเรียก ก็พร้อมที่จะไปได้เลย ต้องไม่มีการอาลัยอาวรณ์..

⏰ครบ 7 ข้อ⏰
"ยามลำบาก มากอุปสรรค.. ต้องตั้งหลักให้มั่นคง
ยามได้ดี มียศสูงส่ง.. ต้องรู้ ปลง ปลดปล่อยวาง"..
ฉะนั้น อย่าท้อ เวลาผ่านไป เงื่อนไขเปลี่ยน สถานการณ์ก็มักผันแปร อาจดีขึ้นก็ได้..
เราไม่จำเป็นต้องรวยเพราะมีเงินมาก แต่เราอาจรวยความสุขได้เพราะการให้.....สาธุ สาธุ สาธุ

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เกมคิดดี

☆เกมคิดดี☆

“ธนา เธียรอัจฉริยะ” ผู้บริหารดีแทคพูดเรื่อง “เกมคิดดี” ในงาน Ignite Thailand

“คิดดี-คิดบวก”

เขาเชื่อว่าฝึกได้

“ธนา” เล่าถึงทีมขายเคลื่อนที่ของบริษัท ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่เงินเดือนน้อยที่สุดขององค์กร แต่ทำงานหนักที่สุด

แต่ปรากฏว่าน้องกลุ่มนี้เป็นคนที่มีพลังมาก ไม่เคยบ่น และเมื่อว่างจากการทำงานก็มีจิตสาธารณะไปช่วยชุมชนกวาดลานวัด

“ธนา” สงสัยมานาน ว่าทำไมคนกลุ่มนี้จึงมี “ทัศนคติ” ที่ดี

จนเมื่อเขาได้คลุกคลีกับน้องๆ กลุ่มนี้

“ธนา” จึงได้รู้จัก “เกมคิดดี”

เกมนี้น้องๆ จะเล่นกันเป็นประจำตอนพัก มีกติกาคือให้ทุกคนคิดถึงทุกอย่างในแง่ดี

หัวหน้าจะตั้งคำถาม

“แดดออกดีอย่างไร?”

น้องคนหนึ่งยกมือ
"ดีเพราะชาวบ้านจะมาที่ตลาด ทุกคนมารวมตัวกันที่เดียว ไม่ต้องไปขายไกลๆ"

“ฝนตกดีอย่างไร”

อีกคนหนึ่งตอบ “ฝนตก คนออกจากบ้านไม่ได้ เราจะมีโอกาสคุยกับลูกค้านานขึ้น”

“หมาเห่าดีอย่างไร”

คราวนี้เริ่มยาก ทุกคนหันไปมองหน้ากัน แล้วคนหนึ่งก็คิดได้

“เราจะไม่เจ็บคอตะโกนเรียก เพราะเจ้าของบ้านจะเดินออกมาเอง”

โหย…ใช้ได้

หา “มุมบวก” เก่งจริงๆ

“ธนา” เชื่อว่า “ทัศนคติ” เป็นเรื่องสำคัญของชีวิต

หลักคิดของเขาก็คือ ถ้าเราไม่ชอบอะไรก็ตาม ให้พยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นให้ได้

แต่ถ้ายังเปลี่ยนไม่ได้ เราก็ต้องเปลี่ยนทัศนคติต่อสิ่งนั้น

“ธนา” เชื่อว่าการมองโลกในแง่ดีนั้นเป็นทั้ง “พรสวรรค์” และ “พรแสวง”

ใครที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ก็ถือว่าเป็นคนโชคดี

แต่ถ้าใครไม่มีเรดาร์แบบนี้ติดตัวมา เขาก็เชื่อว่าสามารถฝึกฝนได้

แล้ว “ธนา” ก็เริ่มต้นเล่น “เกมคิดดี” บนรถกับลูกสาวทั้ง 2 คน

คนหนึ่งอายุ 7 ขวบ อีกคนอายุ 5 ขวบครึ่ง

เขาบอกลูกๆว่าลองคิดทุกอย่างในแง่บวก หา “ข้อดี” ของทุกเรื่องราวในชีวิตให้เจอ

ถามว่าอยู่ที่บ้านดีอย่างไร
“มีของเล่นเยอะ”

อยู่ที่โรงเรียนดีอย่างไร
“ได้เจอเพื่อน”

“แล้วรถติดดีอย่างไร”
คราวนี้ลูกสาวทั้ง 2 คนเริ่มโยเย เพราะแต่ละคนเบื่อสภาพรถติดมาก จะบ่นตลอดเวลา

“ไม่เห็นมีอะไรดีเลย” ลูกคนโตเริ่มโวย

“ไม่ได้ ก็บอกแล้วไงว่าเราเล่นเกมคิดดี” คุณพ่อไม่ยอม

ลูกสาวคนเล็กนั่งคิดอยู่แวบหนึ่งแล้วก็ยกมือ

“พ่อ หนูคิดออกแล้ว รถติดมีข้อดี เพราะพ่อจะได้หันหน้ามาคุยกับหนู”

น่ารักมาก…

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทุกครั้งที่รถติด ลูกสาวทั้ง 2 คน จะตะโกนลั่นรถ

“รถติดแล้ว คุณพ่อหันมาคุยหน่อย”

ลูกสาวของ “ธนา” ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนชื่อดังแถวชิดลม ซึ่งก็ไม่ไกลจากออฟฟิศของเขา อาคารจามจุรี สแควร์ ใกล้สวนลุมพินี

ตอนที่รู้ว่าลูกสอบติดที่ “มาแตร์” ด้านหนึ่งก็ดีใจ แต่ด้านหนึ่งก็ทุกข์ใจ เพราะต้องไปส่งลูกสาวทุกเช้า

จากเดิมตื่น 7 โมง ก็ต้องตื่นตี 5 ครึ่ง เพื่อไปส่งลูกให้ทันเข้าเรียน 7 โมง

สัปดาห์แรก “ธนา” ทุกข์หนัก และคิดในแง่ลบว่าชีวิตของเขาต้องเป็นอย่างนี้อีก 12 ปี เชียวหรือ

แต่เมื่อตั้งหลักได้ เขาก็เริ่ม “เกมคิดดี”

เขาใช้เวลาช่วงส่งลูกเสร็จ ก่อนเข้าทำงาน ไปวิ่งที่สวนลุมพินี

เช้าวันหนึ่ง มีผู้ชายคนหนึ่งมาทักทายเขา “ประเสริฐ” เป็นนักวิ่งระดับแข่งมาราธอน
เขาวิ่งทุกเช้าวันละ 40 นาที ระยะทาง 10 กิโลเมตร

“ตอนแรกผมวิ่งแค่ 300 เมตร ก็จะเป็นลม แต่ตอนนี้วิ่งทุกเช้ามา 4 ปีแล้ว”

“ธนา” เริ่มเอะใจ จึงถามถึงเหตุผลที่ “ประเสริฐ” หันมาวิ่ง

“ลูกสาวผมเรียนที่มาแตร์” เขาตอบ

“ลูกพี่อยู่ ป.4 ใช่ไหม” ธนาถาม

“ใช่” ประเสริฐทำหน้างงๆ “คุณธนารู้ได้ไง”

“ธนา” ไม่ได้เล่าต่อ

แต่เขาจบเรื่องเล่าบนเวทีด้วยการทำนายอนาคตตัวเอง

“ผมรู้แล้วว่าอีก 4 ปี ผมจะเป็นนักวิ่งมาราธอนแน่นอน”

นิทาน เรื่องนี้  สอนให้รู้ว่า  เราเปลี่ยน โลก  ไม่ได้  แต่  เราเปลี่ยน วิธีคิด  เราได้   มาฝึก คิดบวก กันเถอะ ครับ

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สื่อสารกันเถอะ ก่อนที่จะ......

เจ้าของบ้านออกไปล่าสัตว์ 
ทิ้งหมาอยู่บ้าน ไว้เพื่อคอยดูแลลูกน้อย

เมื่อเขากลับมาจากล่าสัตว์ 
ก็เห็นรอยเลือด เต็มพื้นไปหมด 

ลูกของเขาไปไหน?
แล้วหมาล่ะ! 

ที่ปากของหมา เต็มไปด้วยเลือด 
เมื่อมันเห็นเจ้าของกลับมา มันวิ่งเข้ามาหา แกว่งหาง มองเจ้าของอย่างดีใจ

เจ้าของโมโหสุดขีด 
จึงฆ่าหมาของตัวเองทิ้ง 

เสียงหมาร้องโหยหวน  
ปลุกเด็กน้อยที่นอนหลับอยู่ในบ้าน ตื่นขึ้นมาร้องไห้จ้า

เมื่อเขาเดินเข้าไปในบ้าน จึงเห็นซากของหมาป่า
โดนกัดตายอยู่ที่ห้องโถง!

เรื่องราวมากมายที่เรา
เห็นกับตา ได้ยินกับหู 
ไม่แน่เสมอไป ว่าจะเป็นจริงตามนั้น

จงให้โอกาสผู้อื่นได้อธิบาย 
จงรู้จักอดทนอธิบาย ให้ผู้อื่นได้เข้าใจ

ทำได้ดังนี้ 
เรื่องที่น่าเสียใจ เรื่องที่ไม่น่าให้อภัย 
ก็จะไม่เกิดขึ้น..

ไม่ถาม ไม่พูด ไม่อธิบาย
คือความไม่ยุติธรรม อันเกิดจากการตีความไปก่อน โดยขาดข้อมูลที่มากพอ
อาจนำมาซึ่งความเสียหายได้ 

ฉันไม่ถาม + คุณไม่พูด = ห่างเหิน
ฉันถามแล้ว + คุณไม่พูด = ช่องว่าง
ฉันถามแล้ว + คุณพูด = เคารพ
ฉันอยากพูด + คุณอยากถาม = รู้ใจ
ฉันไม่ถาม + แต่คุณพูด = ไว้ใจ

สื่อสารกันเถอะครับ คำพูด และการกระทำ ที่ส่งถึงกันมากขึ้น ไม่ด่วนตีความ ไม่ด่วนตัดสิน จะช่วยลดปัญหา และ เรื่องราวไม่พึงประสงค์ ได้อีกมากมาย

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อภัยกันได้ไหม

"แม่ของผมเป็นคนทำอาหารที่บ้านประจำทุกวัน...
คืนหนึ่งหลังจากที่แม่ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน พอแม่กลับบ้านมาด้วยความเหนื่อยล้า และทำอาหารเย็นให้เราปกติ ที่โต๊ะอาหารแม่วางจานที่มีปลาทูที่ไหม้เกรียม บนโต๊ะต่อหน้าพ่อและทุกๆคน....

ผมรอว่าแต่ละคนจะว่าอย่างไร.....

แต่...พ่อไม่พูดอะไร และตั้งหน้าตั้งตา กินปลาทูไหม้ตัวนั้น และหันมาถามผมว่าที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง

คืนนั้นหลังอาหารเย็น ผมจำได้ว่า ได้ยินแม่ขอโทษพ่อที่ทอดปลาทู
ไหม้...และผมไม่เคยลืมที่พ่อ
พูดกับแม่เลย "โอย...ผมชอบปลาทูทอดเกรียมๆ ...อร่อยมากนะแม่"

คืนต่อมา ผมเก็บคำถามในใจ ก่อนนอน และถามพ่อว่า "พ่อชอบปลาทูทอดเกรียมๆ จริงๆ เหรอ"

พ่อลูบหัวผม และ ตอบว่า...."แม่ของลูก
ทำงานหนักมาทั้งวัน... 
ปลาทูไหม้ 1 ตัว ไม่เคยทำร้ายใคร แต่คำพูดที่ต่อว่ากันต่างหาก
ที่จะทำร้ายกัน"

"ชีวิตคนเรา
เต็มไปด้วยความไม่สมบูรณ์แบบ และแต่ละคน
ก็ไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์แบบ ตัวเราเอง
ก็ไม่ได้มีอะไรดีกว่าใครๆ"

แต่สิ่งที่พ่อเรียนรู้ ในช่วงชีวิตคือ.....
การเรียนรู้ที่จะยอมรับ
ความผิดของคนอื่น และของตัวเอง

การเลือกที่จะยินดีกับ
ความคิดต่างกันของ
แต่ละบุคคลเป็นสิ่งสำคัญ ในการรักษาชีวิตครอบครัว
ที่มีความสุขและยืนยาว

“ชีวิตเราสั้นเกินกว่า ที่จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับ
ความเสียใจที่ว่า เราทำผิดกับคนที่เรารัก
และรักเรา ให้ดูแลและ
ทะนุถนอมคนที่รักเรา และพยายามเข้าใจและให้อภัย
จะดีกว่า"

**ถ้าเรารู้ เราจะทำไหม?**

• เราจะบีบแตรใส่คนที่ยืนยึกยัก
ริมถนนแยกที่ผ่านมาไม๊ – ถ้าเรารู้ว่าเค้าใส่ขาเทียม

• เราจะเบียดชนคนข้างหน้า
ที่เดินช้ามากไม๊ – ถ้าเรารู้ว่าเค้าเพิ่งตกงาน

• เราจะขำคนที่แต่งตัวเชยไม๊ – ถ้าเรารู้ว่าเค้ามีชุดเก่งแค่ชุดเดียว

• เราจะรำคาญสาวโรงงาน
ที่มาเดินพารากอนไม๊ – ถ้าเรารู้ว่านั่นคือ
การฉลองวันเกิดของเธอ

• เราจะหมั่นไส้ลุงที่หัวเราะ
เสียงดังลั่นคนนั้นไม๊ – ถ้ารู้ว่าแกเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย

• เรารู้แจ่มชัดเสมอ…
ว่าชีวิตเรากำลังเจออะไร
แต่เราไม่มีวันรู้ว่า
 "คนที่เราเจอ – กำลังเจอกับอะไร"

**โลกกว้างกว่าเงาของเรา และโลกก็ไม่ได้หมุนรอบตัวเรา

**มองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆไปบ้าง ให้โอกาสและให้อภัย มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน จะได้รักและอยู่ด้วยกันอย่างยั่งยืน ยาวนาน 

ถูกใจ ·  · แชร์เลย

20ข้อที่ควรให้ลูกรู้

20ข้อที่ควรให้ลูกรู้ และปฏิบัติก่อนอายุ 45 ยิ่งปฏิบัติได้เร็วเท่าได ความสำเร็จก็จะเกิดเร็วเท่านั้น

1.ไม่ต้องตั้งใจเรียนมากไปในสายวิชาที่ตนเลือก แต่ภาษาอังกฤษ จำเป็นมากๆ จงให้ใส่ใจ ส่วนวิชาอื่นๆ เอาแค่ดีพอหางานดีๆทำก็พอ เพราะโลกแห่งความเป็นจริง วัดกันที่ผลงาน ไม่ใช่ที่เกรด
ภาษาอังกฤษสร้างผลงานได้

2.การทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นสำคัญมากพอๆกับการคร่ำเคร่งหน้าตำราเรียน

3.เลือกงานที่เราชอบนั้นใช่ แต่อย่าลืมด้วยว่า อาชีพนั้น..
สามารถเลี้ยงดูตัวเราได้จริงหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็อย่าหลอกตัวเอง

4. เมื่อถึงวัยทำงาน ใครเก็บเงินก่อน รวยเร็วกว่าและสิ่งสำคัญ
ที่ต้องจำไว้ คือ "ชีวิตที่ไม่มีหนี้ คือชีวิตที่ประเสริฐที่สุด"

5.หาเป้าหมายในชีวิตให้เจอโดยเร็วที่สุด เพราะมันจะเป็นเครื่องนำทางของคุณ ในชาตินี้ตลอดไป

6. ซื้อบ้าน ก่อนที่จะซื้อรถ เพราะบ้านจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น รถมีแต่มูลค่าลดลง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า รถ=ลด

7.ดอกเบี้ยบ้านนั้นมหาโหดมาก รีบผ่อนใช้ให้หมดโดยเร็วพลัน ก่อนที่จะแก่ แล้วผ่อนไม่ไหว

8.การเก็บเงินเป็นแค่บันไดขั้นแรกสู่ความร่ำรวย แต่ขั้นต่อมา คือต้องรู้จักลงทุน. อย่าลืมคบกับที่ปรึกษาการเงินไว้เป็นเพื่อน

9.อย่าเป็นศัตรู..กับใครก็ตามบนโลกใบนี้ เพราะคุณจะไม่มีทาง รู้ว่าวันหนึ่งเขาอาจจะยิ่งใหญ่มากจนกลับมาทำร้ายคุณก็เป็นได้

10.คอนเน็คชั่นหรือสายสัมพันธ์เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ต่อให้เก่งแค่ไหน ก็สู้การมีเพื่อนเยอะไม่ได้

11. ควรมีงานทำมากกว่า 1 งานเพราะความมั่นคง ไม่เคยมีบนโลกใบนี้

12.อย่าคิดว่าตัวเองทำอะไรได้แค่อย่างเดียว
เพราะความสามารถของคนเรา มีมากกว่า 1 เสมอ

13.เมื่อมีโอกาสใดก็ตามเข้ามา จงอย่าปฏิเสธ ถึงจะล้มเหลว แต่มันก็คือ ประสบการณ์

14. สร้างเนื้อ สร้างตัว
ให้ได้เร็วที่สุด ในขณะที่คุณยังมีกำลัง ยังเป็นหนุ่ม-สาว เพราะการฝ่าฟันอุปสรรคในช่วงอายุมาก ไม่ใช่เรื่องสนุก

15.ออกเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่ยังหนุ่มสาว
เพราะเมื่อมีครอบครัว การเดินทางจะเป็นเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม

16.เลือกคู่ชีวิตจงคิดให้ดีๆ อย่าดูแต่ข้อดีของเขา แต่ต้องดูด้วยว่าเราสามารถรับข้อเสียของเขาได้มากแค่ไหน

17.การมีแฟนหรือสามีภรรยา ยังเลิกกันได้ แต่ความเป็นพ่อแม่ลูก นั้นเลิกกันไม่ได้ เพราะฉะนั้น ควรดูแลพวกเขาให้ดีๆ

18.ความสำเร็จที่มากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถ
ทดแทนความล้มเหลวของครอบครัวได้

19. ลองหาเวลาอยู่ว่างๆ ไม่ต้องทำอะไรเลยดูบ้าง อย่าแบกโลกทั้งใบไว้คนเดียวและอีกอย่างงานก็ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต

20.สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญอันหนึ่ง โปรดถนอม
ตัวเองให้มากเมื่อยังเป็นวัยรุ่นอย่าใช้ชีวิตให้หนักเกินไป

#หากคิดว่าโพสต์นี้มีประโยชน์ !!
กรุณาเเบ่งปันให้สักคนรับรู้

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แล้วอะไรหละ ที่จะเป็น 100% ของชีวิตคนเรา ?

ถ้าหากตัวอักษร
ภาษาอังกฤษ 26 ตัว
A B C D E F G H I J
K L M N O P Q R S
T U V W X Y Z

ทั้งหมดนี้ แปลงเป็นตัวเลข
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

ดังนั้น
Knowledge (ความรู้)
K+N+O+W+L+E+D+G+E
11+14+15+23+12+5+4+7+5 = 96%

Workhard (ทำงานหนัก)
W+O+R+K+H+A+R+D 23+15+18+11+8+1+18+4 = 98%

แสดงว่าความรู้กับการทำงานหนักมีความสำคัญเท่ากับ 96% และ 98% ต่อชีวิต

แล้ว LUCK (โชค ดวงดี)
L+U+C+K
12+21+3+11 = 47%

LOVE (ความรัก)
L+O+V+E
12+15+22+5 = 54%

ดูๆ แล้วสิ่งที่เรานึกว่าเป็นสิ่งสำคัญ ก็ไม่ได้สำคัญอย่างที่เราคิดไว้

แล้วอะไรหละ ที่จะเป็น 100% ของชีวิตคนเรา ?

มันคือ Money (เงินทอง) อย่างงั้นเหรอ ?
M+O+N+E+Y
13+15+14+5+25 = 72%

ก็ไม่ใช่นะหรือว่าคือ Leadership (การเป็นผู้นำ)
L+E+A+D+E+R+S+H+I+P
12+5+1+4+5+18+19+9
+16 = 89%

ก็ยังไม่ใช่อีก
จริงๆ แล้วสิ่งที่จะทำให้ชีวิตเราเต็มร้อยนั่นก็คือ

ATTITUDE
(ทัศนคติ/ความคิด)
A+T+T+I+T+U+D+E
1+20+20+9+20+21+4+5
= 100%

เยี่ยมมั๊ยครับ
สำหรับคนที่ยังไม่อ่าน